วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

10 ที่เที่ยวเด็ดของไทยที่ต้องไปปักหมุด


               10 ที่เที่ยวเด็ดของไทยที่ต้องไปปักหมุด

 1. อ่างมรกต บ่อปลาธรรมชาติ หล่มภูเขียว จังหวัดลำปาง





สระน้ำธรรมชาติที่โอบโดยล้อมรอบไปด้วย ภูเขาหินปูนที่มีอายุหลายร้อยล้านปี ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ตำบลบ้านอ้อน อำเภองาว จังหวัดลำปาง ในบริเวณแอ่งน้ำในสะอาดสีเขียวมรกตแห่งนี้เป็นที่อยู่ของปลาจำนวนมาก ชาวบ้านในพื้นที่มีความเชื่อกันว่าแอ่งน้ำแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และมีพญางูใหญ่อาศัยอยู่ นอกจากนั้นก็ยังเคยเป็นสถานปฏิบัติธรรมในอดีต ดังนั้นจึงห้ามทำการจับปลาในบริเวณนี้ นอกจากจะได้มาชมความสวยงามของแอ่งน้ำแห่งนี้แล้ว บริเวณรอบๆ ยังเป็นที่ตั้งของถ้ำโบราณ น้ำตก จุดชมนกหายาก และเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สวยงาม

  2.ปางอุ๋งสุพรรณ อ่างเก็บน้ำเขาวง จังหวัดสุพรรณบุรี





อ่างเก็บน้ำเขาวง ปางอุ๋งสุพรรณ


อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นที่เที่ยวธรรมชาติที่มาแรงที่สุดในช่วงต้นปี 2559 เลยก็ว่าได้ อ่างเก็บน้ำเขาวงตั้งอยู่ที่อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ไฮไลท์เด่นของการมาเที่ยวพักผ่อนที่นี่ คือ บ้านแพริมน้ำและบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับปางอุ๋งเป็นอย่างมาก เพราะมีภูมิประเทศที่ล้อมรอบด้วยทิวเขาและมีอากาศเย็นสบาย และถ้าหากคุณอยากจะกางเต็นท์นอนชมดาว ทางชุมชนเขาก็มีลานกางเต็นท์ให้ได้แค้มป์ปิ้ง และยังมีบริการเรือพายชมวิวอีกด้วย เรียกว่าก่อกองไฟ นอนชมดาวและตื่นมาชมแสงแรกของวันท่ามกลางปุยหมอกจางๆ รับวันใหม่แบบชิลๆ 

             3. พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก จังหวัดยโสธร



                                    คางคกจัดแสดงตามธรรมชาติ พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก

อาคารพิพิธภัณฑ์รูปพญาคางคก (คันคาก) ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมน้ำ เป็นแลนด์มาร์กสำคัญล่าสุดของจังหวัดยโสธร สร้างขึ้นตามความเชื่อท้องถิ่นที่เกี่ยวกับประเพณีบุญบั้งไฟ โดยภายในตัวพิพิธภัณฑ์จะมีการจัดแสดงประวัติความเป็นมาและตำนานความเชื่อเรื่องบุญบั้งไฟ พญานาคและพญาคางคกที่มีความเกี่ยวพันกันกับวิถีชีวิตของชาวเมืองลุ่มน้ำโขง นอกจากนั้นยังมีการจัดแสดงพันธุ์คางคกที่พบในประเทศไทย ตัวพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็น 2 อาคารหลัก คือ อาคารพญานาคและอาคารพญาคันคาก ตั้งอยู่ในบริเวณลำนำทวนและสวนสาธารณะพญาแถน จัดเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ของยโสธรที่ควรแวะไปชมสักครั้ง

                   4.  หินชมนภา จังหวัดอุบลราชธานี



                                  หินชมนภา หาดชมดาว จังหวัดอุบลราชธานี

หินกลางน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในเขตของหาดชมดาวแห่งอำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี ก้อนหินขนาดมหึมหารูปทรงประหลาดเหล่านี้ในช่วงฤดูน้ำหลากจะจมอยู่ภายใต้ลำน้ำโขง และเมื่อน้ำลดจะโผล่ขึ้นมาเป็นแก่งหินกลางน้ำ ว่ากันว่าหากได้ไปยืนชมวิวบนหินชมนภาเหล่านี้จะได้ชมภาพวิวทิวทัศน์รอบด้านที่สวยงามจับใจ นอกจากนั้นทัศนียภาพบริเวณรอบๆ หาดชมดาวแห่งนี้ก็มีความสวยอัศจรรย์ไม่แพ้แก่งหินสามพันโบกเลย ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ หาดหินริมโขงแห่งนี้ยังนับเป็นที่เที่ยวแห่งใหม่ที่หลายๆ คนยังมักเข้าใจผิดว่าเป็นสถานที่เดียวกับสามพันโบกที่เป็นที่รู้จักกันมาก่อนหน้านี้

            5.เมืองบาดาล ถ้ำพญานาค จังหวัดหนองคาย


                                      ถ้ำพญานาค จังหวัดหนองคาย

โพรงถ้ำใต้ดินโบราณที่มีเส้นทางเชื่อมต่อไปยังแม่น้ำโขง รู้จักกันในนามว่า “ถ้ำดินเพียง” หรือ “ถ้ำพญานาค” ถ้ำแห่งนี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญเมื่อชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ได้ตามรอยสัตว์ป่าที่เข้ามาหากินในบริเวณสวน ภายในโพรงถ้ำแห่งนี้มีเส้นทางเชื่อมต่อกันมากมายจนเหมือนเขาวงกตแต่ก็มีทางทะลุไปถึงกันหมด ที่สำคัญรูปทรงของโพรงถ้ำภายในนั้นก็มีลักษณะแปลกตาคล้ายกับทางเลื้อยของพญานาคจนกลายมาเป็นคำเล่าลือว่าน่าจะเป็นถ้ำของพญานาคที่อาศัยอยู่ในลำน้ำโขงตามความเชื่อเก่าแก่ของท้องถิ่น ในปัจจุบันถ้ำแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของวัดถ้ำศรีมงคล การเข้าไปชมค่อนข้างลำบากสักหน่อยและจะต้องนำทางโดยไกด์ท้องถิ่นเท่านั้น

                        6. ซูตองเป้ จังหวัดแม่ฮ่องสอน



                                    สะพานซูตองเป้พาดผ่านทุ่งนา

ที่เที่ยวยอดฮิตของภาคเหนือที่เปิดตัวแรงมาตั้งแต่ต้นปี สะพานไม้แห่งศรัทธาที่เชื่อกันว่าหากได้มายืนอธิษฐานจิตที่นี่แล้วความหวังที่ริบหรี่ก็มีหนทางสำเร็จได้ ดังความหมายของคำว่า “ซูตองเป้” ที่สื่อถึง “ความสำเร็จ” ในภาษาไทใหญ่ สะพานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่บ้านกุงไม้สัก อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน สร้างขึ้นด้วยความร่วมแรงร่วมใจของพระสงฆ์และชาวบ้านท้องถิ่น ก่อสร้างด้วยวัสดุพื้นบ้านคือไม้และไม้ไผ่ สะพานแห่งนี้ถือเป็นสะพานไม้ไผ่ที่ยาวที่สุดในเมืองไทยด้วยความยาวกว่า 500 เมตร สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมสถานปฏิบัติธรรม “สวนธรรมภูสมะ” กับบ้านกุงไม้สัก ไฮไลท์ของสะพานแห่งนี้อยู่ที่บรรยากาศรอบด้านที่เรียบง่ายสวยงามของทั้งตัวสะพาน สายน้ำ ทุ่งนา ปุยหมอกและบ้านเรือนชนบทที่ดูอบอุ่นในทุกฤดูกาล

 7. สวนสนบ่อแก้ว ทิวสน-ทางเดินแห่งรัก เกาะนามิเมืองไทย จังหวัดเชียงใหม่



                                    ทิวทางเดินต้นสน สวนสนบ่อแก้ว เกาะนามิเมืองไทย จังหวัดเชียงใหม่

สถานีทดลองปลูกพรรณไม้บ่อแก้ว สังกัดกรมป่าไม้ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นชื่อเรื่องทิวป่าสนสวยงามคล้ายคลึงกับเส้นทางรักที่ขนาบด้วยทิวสน ณ เกาะนามิ เกาหลีใต้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าสวนสนแห่งนี้จึงเป็นจุดพักการเดินทางยอดฮิตล่าสุดของคู่รักนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเชียงใหม่ เพราะนอกจากจะได้เกี่ยวก้อยเดินชมธรรมชาติแล้ว อากาศในสวนป่าสนแห่งนี้ก็ยังค่อนข้างเย็น เรียกได้ว่าได้บรรยากาศโรแมนติกกันอย่างเต็มๆ เลยทีเดียว โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวก็จะเกิดไอหมอกจางๆ ในยามเช้าอีกด้วย

                       8. หาดทรายดำ จังหวัดตราด



                                 หาดทรายดำ จังหวัดตราด

มหัศจรรย์ธรรมชาติหาดทรายสีดำแห่งเดียวในไทยและเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่แห่งในโลก หาดทรายดำตั้งอยู่ที่อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด มีลักษณะเป็นเม็ดทรายสีดำที่เกิดจากการสลายตัวของเปลือกหอยและแร่เหล็กที่ผุกร่อนและทับถมกันเป็นเวลานาน ชาวบ้านในแถบนี้เชื่อกันว่าทรายดำมีคุณสมบัติในการรักษาโรคต่างๆ อาการปวดเมื่อยและบำรุงผิวพรรณ นอกจากนั้นในบริเวณหาดทรายดำก็ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนที่เป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก เช่น ปูก้ามดาบ ปูแสม หอยต่างๆ และปลาน้ำตื้น เป็นต้น

       9.เขาหงอนนาค จังหวัดกระบี่



                               วิวพระอาทิตย์ขึ้นจากเขาหงอนนาค จังหวัดกระบี่

ยอดเขาแดนใต้แห่งนี้เป็นจุดชมทะเลหมอกแห่งใหม่ที่สวยงามไม่แพ้ที่ชมทะเลหมอกในภาคเหนือหรือภาคอีสานเลย ทั้งนี้การขึ้นไปชมความงามของวิวมุมสูงบนยอดเขานั้นก็ต้องแลกด้วยการเดินอึดขึ้นเขาอย่างต่ำ 2 ชั่วโมง โดยในช่วงทางขึ้นเขาตอนบนจะค่อนข้างชันมาก แต่ขอบอกเลยว่าวิวบนยอดเขาริมทะเลแห่งนี้จะทำให้คุณลืมเหนื่อยและอยากหยุดเวลาไว้ ณ อึดใจที่คุณเห็นวิวเบื้องหน้า สำหรับคนที่อยากชมทะเลหมอกคงต้องเน้นให้มาในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนพฤษภาคมที่อากาศค่อนข้างเย็นและจะเห็นหมอกหนาที่สุด ในขณะที่ช่วงอื่นๆ ของปี จุดชมวิวแห่งนี้ก็สวยไม่แพ้กัน เพราะสามารถมองวิวออกนอกทะเลไปได้ไกลถึงทะเลแหวกและเกาะยาวโน่นเลย เขาหงอนนาคตั้งอยู่ในเขตอุทยานทับแขกหงอนนาค อำเภอคลองม่วง จังหวัดกระบี่ และเป็นหนึ่งในเส้นทางศึกษาธรรมชาติอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

           10. หาดสันหลังมังกร จังหวัดสตูล



                              ปูแดงแห่งสันหลังมังกร จังหวัดสตูล

หาดสันหลังมังกรหรือ “ทะเลแหวกแห่งจังหวัดสตูล” ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าที่สตูลนั้นมีทะเลแหวกอยู่ด้วยกันหลายแห่งแต่แห่งที่ยาวที่สุดนั้นมีความยาวกว่า 5 กิโลเมตรและกว้างกว่า 700 เมตร นับว่าเป็นทะเลแหวกที่มีความยาวที่สุดของประเทศไทย โดยทะเลแหวกแห่งนี้เรียกกันว่า “สันหลังมังกรทับทิมสยาม” ลักษณะพิเศษอีกอย่างของสันหลังมังกรแห่งนี้ คือ ฝูงปูแดงมากมายที่มีอยู่กระจัดกระจายเต็มหาดจนเป็นไฮไลท์อีกอย่างที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชม นอกจากนั้นในช่วงเดือนมีนาคม 2559 ก็จะมีงานประกวดภาพถ่าย “สันหลังมังกรแห่งท้องทะเลตรัง” ที่จัดขึ้นเพื่อโปรโมทที่เที่ยวอันซีนแห่งนี้ให้เป็นที่รู้จักกันมากยิ่งขึ้น ผู้สนใจเข้าร่วมประกวดสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานจังหวัดตรัง

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยท่องเที่ยว ติดตาม💕 
@tourandservice click https://line.me/R/ti/p/@tourandservice
facebook https://www.facebook.com/tourandservice/
twitter https://twitter.com/tourandservice
www.tourandservice.net
www.tourandservice.com 
www.tourandservices.com 
M.O.TOURANDSERVICE CO.LTD www.tourandservice.com
license no.11/04924
incentive group tour,เที่ยวแบบครอบครัว เที่ยวเป็นคณะ private
ศูนย์รวมทัวร์ดีมีคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ
sport day ,walk rally, car rally ,boat rally สัมนาพัฒนาองค์กร
คิดถึง tourandorganize คิดถึงความสุข นึกถึงเรา M.O.TOURANDSERVICE
☎️  📞  Hotline 0851635888 0852415888 ☎️📞

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น